หลังจากเกิดเหตุการณ์การระบาดของโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อโนโรไวรัสในโรงเรียนหลายแห่ง ทำให้หลายคนหันมาให้ความสนใจกับเชื้อไวรัสชนิดนี้มากขึ้น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโนโรไวรัสให้มากขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองและครอบครัวจากโรคนี้
โนโรไวรัสคืออะไร?
โนโรไวรัสเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และปวดท้องอย่างรุนแรง เชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หรือเรือสำราญ และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ โนโรไวรัสสามารถทนต่อความร้อนและสารเคมีได้ดี ทำให้การกำจัดเชื้อทำได้ยาก
อาการของโรค
ผู้ที่ติดเชื้อโนโรไวรัสจะมีอาการดังนี้
[ul]
อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ
สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อ
[ul]
การป้องกัน
[ul]
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคโนโรไวรัส และไม่มียาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ การรักษาจึงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการ เช่น การดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป และการพักผ่อนให้เพียงพอ
หากมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
Tags : Norovirus
โนโรไวรัสคืออะไร?
โนโรไวรัสเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และปวดท้องอย่างรุนแรง เชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หรือเรือสำราญ และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ โนโรไวรัสสามารถทนต่อความร้อนและสารเคมีได้ดี ทำให้การกำจัดเชื้อทำได้ยาก
อาการของโรค
ผู้ที่ติดเชื้อโนโรไวรัสจะมีอาการดังนี้
[ul]
- ท้องเสีย
- อาเจียน
- ปวดท้อง
- คลื่นไส้
- ปวดศีรษะ
- ไข้ต่ำ
- อ่อนเพลีย
อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ
สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อ
[ul]
- การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
- การสัมผัสกับผู้ป่วยหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
- การไม่ล้างมือให้สะอาด
การป้องกัน
[ul]
- ล้างมือบ่อยๆ: การล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด
- ปรุงอาหารให้สุก: อาหารที่ปรุงไม่สุก อาจมีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่
- ดื่มน้ำสะอาด: หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ไม่สะอาดหรือน้ำแข็งที่ทำจากน้ำที่ไม่สะอาด
- ทำความสะอาดบริเวณที่ปนเปื้อน: ใช้สารฆ่าเชื้อทำความสะอาดพื้นผิวที่อาจปนเปื้อนเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย: หากมีคนในบ้านป่วย ควรแยกของใช้ส่วนตัวและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคโนโรไวรัส และไม่มียาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ การรักษาจึงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการ เช่น การดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป และการพักผ่อนให้เพียงพอ
หากมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
Tags : Norovirus